การสักเป็นศิลปะบนเรือนร่างอย่างหนึ่ง ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะผู้ชาย แต่ในปัจจุบันสาวๆ หลายคนก็เลือกที่มีศิลปะรอยสักไว้ประดับบนเรือนร่าง สิ่งสำคัญนอกจากการเลือกศิลปินรอยสักที่มีความชำนาญและเป็นมืออาชีพที่สามารถออกแบบรอยสักได้ถูกใจคุณแล้ว สิ่งสำคัญมากๆ อีกอย่างหนึ่งคือ การดูแลรักษารอยสักของคุณ ซึ่งคุณควรต้องปฎิบัติตามคำสั่งของช่างสักอย่างเคร่งครัด เพื่อคงความสวยงามของรอยสัก เรามีวิธีการดูแลรอยสักที่ถูกต้องมาฝากค่ะ
6 ขั้นตอน วิธีการดูแลรอยสัก
1. แกะพลาสติกปิดแผลหลังจากสักเสร็จประมาน 1-2 ชั่วโมง
2. ล้างรอยสักด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือล้างแผล เพื่อล้างคราบเลือดและน้ำเหลือง (ขั้นตอนนี้สำคัญมากๆ ห้ามทำความสะอาดรอยสักด้วยสบู่หรือแชมพู ถ้ารอยสักโดนสบู่หรือแชมพู ให้รีบล้างออกทันที สามารถอาบน้ำอาบน้ำได้ตามปกติ งดแช่น้ำเป็นเวลานานๆ)
3. ใช้มือลูบเบาๆทำความสะอาดบริเวณรอยสัก และซับน้ำบริเวณรอยสักให้แห้งสนิท หลังอาบน้ำก็ควรซับน้ำให้แห้งสนิทในบริเวณที่สัก
4. ประมาน 3-4 วันรอยสักจะเริ่มตกสะเก็ด ปล่อยให้สะเก็ดแผลแห้งเองตามธรรมชาติ ถ้ามีอาการคันให้ใช้ Baby Oil สำหรับเด็กทาบริเวณรอยสัก ห้ามแกะหรือเกาโดยเด็ดขาด!
5. ประมาณ 2 สัปดาห์สะเก็ดจะหลุดลอกจนหมดและจะมีหนังกำพร้าปกคลุมอยู่ ให้ใช้โลชั่น ทาเพื่อบำรุงผิว สามารถใช้โลชั่นที่ใช้อยู่ประจำได้ปกติ (ผิวยิ่งดีรอยสักยิ่งสวย)
6. หลังจากรอยสักหายเป็นปกติ งดการถูกแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน เป็นเวลา 2 อาทิตย์ แต่ถ้าหากจำเป็นต้องไปกลางแจ้งเป็นเวลานาน ต้องใช้ทาโลชั่นกันแดดก่อนออกแดด
การป้องกันการติดเชื้อจากการสัก
ในปัจจุบันโอกาสการติดเชื้อจากการสักจากศิลปินรอยสักผู้เชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ แทบจะเรียกได้ว่ามีโอกาส 0% (ทำความสะอาดบริเวณที่จะสัก และ ใช้เข็มใหม่ทุกครั้งๆ) และคุณเองดูแลรอยสักอย่างเคร่งครัด ตาม 6 วิธีที่เราได้นำเสนอไปข้างต้น
การใช้ครีมสำหรับรอยสัก แม้ว่าแต่ศิลปินช่างสักแต่คนอาจให้คำแนะนำที่ต่างกันนิดหน่อยสำหรับวิธีการดูแลรอยสัก แต่โดยหลักการทั่วไปของการดูแลรอยสัก ช่างจะแนะนำให้คุณทำความสะอาดบริเวณรอยสักและทาครีมป้องกันแบคทีเรีย ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่สักเสร็จแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการติดเชื้อบริเวณที่ทำการสัก ซึ่งมีลักษณะอาการ แดง บวม และเกิดอาการปวดมากหากถูกสัมผัส (ถ้าดูแลรอยสักอย่างดี 2-3 วัน จับก็ไม่เจ็บแล้ว) และถ้าเกิดรู้สึกเจ็บ ปวด บริเวณรอยสักเพิ่มขึ้นๆ แทนที่จะน้อยลงแล้ว นั่นแหละเป็น สัญญาณของการติดเชื้อของผิวหนังในบริเวณที่สัก ซึ่งถ้าหากแผลเกิดการติดเชื้อ แนะนำให้รีบไปคลินิคผิวหนังเพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น