วิธีกำจัดปัญหาแผลเป็น หลุมแผลจากสิว

พูดถึง “สิว” คงไม่มีใครปราถนาให้เกิดบนใบหน้าของตัวเอง เพราะนอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้กับผิวหน้า หรือส่วนอื่นๆ ในร่างกายที่เกิดสิว มิหนำซ้ำยังทิ้งรอยแผลเป็น รอยหลุมสิว ไว้ให้ดูต่างหน้าอีก ปัญหารอยหลุมสิวหรือรอยแผลเป็นจากสิว ส่งผลต่อเรื่องของบุคลิกภาพ จะแต่งหน้าแต่ละทีก็ต้องหารองพื้นมาปกปิดรอยแผล และอาจทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขนจนเกิดสิวขึ้นซ้ำอีก วนเวียนเป็นปัญหาที่ไม่จบสิ้น วันนี้Bookup.asia มีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการรักษาปัญหาหลุมสิวแบบตรงจุด เพื่อใบหน้าเรียบเนียนกลับมาอีกครั้ง แต่จะมีวิธีใดกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ

อ่านต่อที่นี่ค่ะ > > วิธีกำจัดปัญหาแผลเป็น หลุมแผลจากสิว

อาหารที่ช่วยให้ฟันขาว

อาหารหรือเครื่องดื่มที่เรากินอาจไม่ได้เป็นศัตรูกับช่องปากเสมอไป เพราะจริงๆ แล้วมีอาหารมากมายหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพปากและฟัน มาทำความรู้จักกันดีกว่าแม้ว่าการดำเนินชีวิตอย่างเร่งรีบในปัจจุบันจะทำให้การแปรงฟันเพื่อขจัดเศษอาหารทุกครั้งหลังการกินกลายเป็นเรื่องยาก แต่โชคดีที่นอกเหนือจากการแปรงฟันแล้วยังมีวิธีการดูแลรักษาช่องปากให้สะอาด ฟันแข็งแรงและช่วยให้ฟันขาวด้วยอาหารและเครื่องดื่ม

ทำอย่างไรให้ฟันขาว

ก่อนอื่นเราจำเป็นต้องทราบก่อนว่า สิ่งที่มีผลต่อสีของฟันคือความหนาแน่นของผิวเคลือบฟัน ซึ่งอยู่ด้านนอกสุดของเนื้อฟัน ผิวเคลือบฟันมีความหนาแน่นเท่าไร ฟันของเราก็จะยิ่งขาวเท่านั้น เพราะตัวเคลือบฟันซึ่งมีสีขาวจะคลุมตัวเนื้อฟันซึ่งมีสีเหลืองเอาไว้ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นผิวเคลือบฟันจะค่อยๆ จางลงจนเห็นตัวเนื้อฟัน ส่งผลให้ฟันมีสีเหลือง ดังนั้นความเชื่อที่ว่าฟันขาวจะแข็งแรงกว่าฟันเหลืองจึงไม่เป็นความจริงทั้งหมด ส่วนถ้าคุณอยากให้ฟันขาวแลดูสะอาดมีรอยยิ้มที่สวยสะกดสายตา ด้วยวิธีการตามธรรมชาตินั้นคงต้องแนะนำให้ใช้มะนาว เพราะมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดจึงช่วยทำให้ฟันขาวขึ้น วิธีการก็คือให้ใช้มะนาวถูฟัน หลังจากนั้นก็แปรงฟันตามปกติ เพียงแต่ว่าไม่ควรทำบ่อยๆ เพราะมะนาวอาจจะทำลายผิวเคลือบฟันได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ และน้ำอัดลมที่มีสีเข้ม รวมถึงการสูบบุหรี่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำลายความขาวของฟัน

อาหารที่ช่วยให้ฟันสุขภาพดี

สำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่ช่วยให้ฟันมีสุขภาพดีมีอยู่ด้วยกันหลายชนิดดังต่อไปนี้

• อาหารที่มีเส้นใย จะช่วยขจัดคราบอาหารที่ติดอยู่บนฟัน และในระหว่างเคี้ยวเส้นใยจะขัดถูสิ่งที่ติดแน่นบนฟันให้หลุดออกไป

• ชาเขียว เพราะชาเขึยวมีฟลูออไรด์ที่ช่วยเสริมสร้างฟันให้แข็งแรง

• นมและโยเกิร์ต อาหารประเภทนมมีแคลเซียมซึ่งเป็นส่วนประกอบของฟัน

• ชีส เพราะในชีสมีฟอสเฟต ซึ่งช่วยป้องกันแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของฟันผุ นอกจากนี้ฟอสเฟตในชีสยังช่วยรักษาความสมดุลของกรดและด่างในช่องปากอีกด้วย

• ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น มะขามป้อม มะขามเทศ ฝรั่ง ส้ม สัปปะรด เพราะวิตามินซีจะช่วยรักษาเหงือกให้แข็งแรง

• เมล็ดงา ผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอสูง เช่น มะละกอ มะเขือเทศ แครอท เพราะวิตามินเอจะช่วยการก่อรูปของผิวเคลือบฟัน

• เนื้อไม่ติดมัน เพราะมีฟอสฟอรัส เป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีส่วนต่อความแข็งแรงของฟัน

• กะหล่ำปลีและบรอคโคลี เป็นแหล่งของวิตามินเค ที่จะช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เพราะแคลเซียมคือองค์ประกอบของฟัน

• กล้วย มันฝรั่ง หรือผักมีใบ เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี ซึ่งช่วยรักษาเนื้อเยื่ออ่อนๆ ในช่องปาก เช่น เหงือก ลิ้น เยื่อเมือก

• น้ำ เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะนอกจากจะช่วยให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานเป็นปกติแล้ว

นอกจากการดูแลในเรื่องของอาหารที่ช่วยให้ฟันขาวแล้ว หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ดีกว่า ให้ฟันของคุณขาวสะอาดสวยสะดุดตากว่าใคร เราขอให้คุณลองค้นหาบริการของคลีนิกทันตกรรมจากเว็บไซต์ Bookup.asia ไม่ว่าจะเป็นบริการ เคลือบฟันขาว, เคลือบฟัน, จัดฟัน, อุดฟัน, ขูดหินปูน, รักษารากฟัน, ฟันปลอม, ผ่าฟันคุด, ถอนฟัน, ปิดช่องว่างระหว่างฟัน, ให้คำปรึกษา, เอ็กซ์เรย์ฟัน และบริการเกี่ยวกับทันตกรรมอีกมากมาย เราคือผู้ให้บริการคำปรึกษาและแนะนำคลีนิคทันตกรรมที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

หรือคุณสามารถอ่านข้อมูลรีวิวต่างๆ ในเว็บไซต์ของเรา นอกจากนี้คุณสามารถจองบริการออนไลน์ โดยให้เราช่วยประสานงานกับทางคลีนิคให้คุณ โดยที่คุณสามารถเข้าใช้บริการกับทางคลีนิคทันตกรรมโดยไม่ต้องรอคิว ที่สำคัญเราบริการให้ฟรี! สะดวก สบาย ง่ายสุดๆ เลยค่ะ

อยากผิวสวย มะเขือเทศช่วยได้!

มะเขือเทศ ถือเป็นผักสีแดงชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายที่เรายังไม่รู้มาก่อน นอกจากนี้ถ้ากินแล้วยังทำให้แก้มแดงเป็นธรรมชาติไม่ต้องพึ่งบลัชออนกันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น มะเขือเทศยังมีประโยชน์มากมายในการบำรุงผิว วันนี้เราได้นำความรู้เกียวกับมะเขือเทศว่าสามารถช่วยบำรุงผิวได้อย่างไร ลองมาดูคุณประโยชน์ของมะเขือเทศที่ช่วยในการบำรุงผิวกันดีกว่าค่ะ

• ช่วยกระชับรูขุมขน

ใครที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ให้ใช้น้ำมะเขือเทศผสมกับน้ำมะนาวเพียงเล็กน้อย แล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ รับรองว่ารูขุมขนจะหดตัวกระชับขึ้นกว่าเดิมค่ะ

• ช่วยชะลอวัยคืนความอ่อนเยาว์

เชื่อหรือไม่ค่ะว่าเจ้ามะเขือเทศช่วยในเรื่องของการชะลอวัยและคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้ สาวๆ แทบจะทุกคนก็ต้องกลัวความแก่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาริ้วรอย ผิวหยาบกร้าน ฉะนั้นมาจัดการความกังวลนี้กันเถอะ โดยเริ่มจากปลอกเปลือกมะเขือเทศออก แล้วนำเนื้อมะเขือเทศและน้ำมาผสมกันกับแป้งกรัมเพื่อให้เป็นเนื้อเหลวๆ เมื่อได้แล้วนำส่วนผสมเหล่านั้นมามาส์กหน้า ทิ้งไว้จนกว่าจะแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ถ้าหากคุณเป็นคนผิวแห้ง ก็อาจจะหยดน้ำมันมะกอกผสมลงไปด้วยก็ได้ (แป้งกรัมคือ แป้งที่ใช้เป็นส่วนผสมในการทำของหวานของชาว อินเดีย ปากีสถาน เนปาล และบังคลาเทศ มีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น แป้งเบซัน แป้งถั่วลูกไก่) 

• ช่วยรักษาปัญหาสิว

ในมะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอและซี ซึ่งทั้งคู่เป็นวิตามินที่ช่วยรักษาสิวได้อย่างดีเยี่ยม วิธีการนำมารักษาสิวก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ฝานมะเขือเทศออกมา 2 แว่น จากนั้นนำมาถูวน ๆ บนใบหน้าในแนววงกลมประมาณ 10 นาที แล้วค่อยล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำเย็น

• ช่วยขจัดความมันบนใบหน้า

ลองนำน้ำมะเขือเทศกับน้ำแตงกวามาผสมกัน จากนั้นนำสำลีก้อนกลมชุบน้ำที่ผสมกันแล้วมาทาบนใบหน้าทุกวันเพื่อขจัดความมัน เพราะโดยธรรมชาติมะเขือเทศมีคุณสมบัติในการช่วยกระชับ ซึ่งเมื่อรูขุมขนกระชับแล้ว น้ำมันก็จะไม่ออกมาเยอะมากจนทำให้หน้ามันย่อง แถมน้ำแตงกวายังช่วยปลอบประโลมหน้าและทำให้สดชื่นขึ้นด้วย

• ช่วยบรรเทาอาการผิวไหม้จากแดด

ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีน ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ เมื่อผิวของคุณเกิดอาการไหม้หรือแสบจากแดด ให้นำน้ำมะเขือเทศมาผสมกับนมเปรี้ยว แล้วนำไปทาตรงส่วนที่ผิวไหม้แดด ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออก ผิวที่แสบที่ไหม้ก็จะค่อยๆ ทุเลาลง

• ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

ถ้ากำลังหาตัวช่วยในการสครับหน้า ขอแนะนำให้หั่นมะเขือเทศชิ้นใหญ่ ๆ แล้วจุ่มลงไปในชามที่มีน้ำตาลอยู่ จากนั้นก็นำมาขัดๆ หน้าอย่างเบามือ พวกเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นต้นเหตุของความหมองคล้ำก็จะหลุดลอกออกไป เมื่อล้างออกแล้วคุณจะได้ผิวใสมาแทนที่ ให้ทำบ่อยๆ ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาเริดสุดๆ

• ช่วยให้หน้าสดใสเปล่งปลั่ง

หากคุณรู้สึกว่าใบหน้าดูไม่สดใส ผิวดูไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย ให้แก้ปัญหานี้โดยการนำมะเขือเทศปั่นเข้มข้นมาผสมกับโยเกิร์ต โดยในมะเขือเทศจะช่วยถอนพิษต่าง ๆ ที่ฝังอยู่ในผิวออกไป ส่วนโยเกิร์ตจะช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสและมีโปรตีนที่ดีที่ช่วยบำรุงฟื้นฟูผิว ซึ่งวิธีนี้เหมาะมาก ๆ ในช่วงหน้าร้อนที่ผิวได้รับฝุ่นควันมลพิษต่าง ๆ และผิวคล้ำเสียจากแสงแดด

• ช่วยให้ผิวสะอาดใส

ถ้าอยากล้างหน้าให้สะอาดแบบปราศจากสารเคมี ลองนำมะเขือเทศมาปั่นรวมกับอโวคาโด แล้วนำมาล้างหน้าแทนการใช้โฟมล้างหน้า เพราะในอโวคาโดมีส่วนช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและในมะเขือเทศช่วยให้ผิวหน้าและรูขุมขนกระชับ แล้วลองคิดดูสิว่า เมื่อสองอย่างนี้มารวมกันเพื่อล้างหน้า จะทำให้หน้าสวยใสเปล่งปลั่งได้มากขนาดไหน

ที่มา :  bookup.asia 

รวมเด็ดเคล็ดลับ กระชับรูขุมขน

ปัญหารูขุมขนใหญ่ รูขุมขนกว้าง อาจเป็นเรื่องน่ารำคาญใจสำหรับใครหลายๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชาย ปัญหารูขุมขนกว้างอาจเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่มีผิวมัน อาจหนักใจกับปัญหานี้เป็นพิเศษ เพราะสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิวได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอุดตัน และปัญหารูขุมขนที่กว้างยังทำให้สาวๆ แต่งหน้ายาก เพราะผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน เครื่องสำอางติดยาก ดังนั้นการที่ผิวหน้ามีรูขุมขนกว้างไม่ดีเลยนะคะ เพื่อตัดตอนปัญหารูขุมขนกว้างน่ารำคาญใจ วันนี้เรานำวิธีการกระชับรูขุมขน เพื่อผิวขาวใสเรียบเนียนมาฝากกันค่ะ

เคล็ดลับกระชับรูขุมขน

• การล้างหน้า

ถึงแม้ว่าการล้างหน้าบ่อยๆ จะช่วยให้รูขุมขนดูกระชับ แต่การที่ล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้เป็นปัญหาผิวเพิ่มขึ้นมาอีกด้วยเพราะจะทำให้ผิวขับน้ำออกมามากขึ้น และเมื่อเจอฝุ่นและสิ่งสกปรกจะก่อให้เกิดสิวอุดตัน การล้างหน้าที่เหมาะสมคือวันละ 2 ครั้ง คือในช่วงเช้าตอนตื่นนอนและช่วงกลางคืนตอนชำระร่างกาย แต่ถ้าหากระหว่างวันเผชิญกับสิ่งสกปรกและมลภาวะมากเป็นพิเศษ อาจเพิ่มการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าในช่วงกลางวัน

การล้างหน้าที่ช่วยกระชับรูขุมขนอีกวิธีหนึ่งคือ ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น การทำแบบนี้จะทำให้สิ่งที่อุดตันอยู่บนใบหน้าหลุดออกมาเพราะน้ำอุ่นนั้นจะทำให้รูขุมขนเปิดออกแล้วให้นำน้ำเย็นมาล้างหน้าต่อเลยเพราะว่า น้ำเย็นนั้นจะเป็นตัวช่วยทำให้รูขุมขนปิดลงค่ะ

• น้ำแข็งกระชับรูขุมขน

ก่อนนอนหรือตอนเย็นหลังล้างหน้า ให้นำน้ำแข็งมาถูเบาๆ บริเวณที่รูขุมขนที่กว้างประมาณ 15 - 30 วินาที ทำสัปดาห์ละ 2-3 วัน วิธีนี้ก็จะช่วยทำให้กระชับรูขุมขนได้ค่ะ

• มาร์คหน้าแตงกวา

เตรียมแตงกวา 1 ลูกและผลมะนาว นำแตงกวามาฝานและบดขยี้จนเป็นเนื้อละเอียด ผสมน้ำมะนาวสัก 2 - 3 หยุด และนำมามาร์คบนใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 - 20 นาที แล้วล้างออก วิธีนี้นอกจากช่วยกระชับรูขุมขนยังช่วยลดจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และยังช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้วเผยผิวใหม่ใสขึ้นกว่าเดิมด้วยค่ะ

• มาร์คหน้าไข่ขาว

ไข่ไก่นอกจากจะให้คุณค่าทางอาหารและทำอาหารได้หลายอย่างแล้ว ยังมีประโยชน์ในเรื่องของความสวยความงามอีกด้วยนะคะ วิธีมาร์คหน้าด้วยไข่ขาวให้นำไข่ไก่ 1 ฟอง แยกเอาเฉพาะไข่ขาว จากนั้นผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ มาร์คให้ทั่วใบหน้า ประมาณ 15 - 20 นาที แล้วล้างด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น แต่สำหรับคนที่ผิวแห้งให้ใช้เฉพาะไข่ขาวอย่างเดียวนะคะ เพราะน้ำมะนาวอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้

• มาร์คหน้าโยเกิร์ต

วิธีนี้ง่ายมากๆ ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติเพียงอย่างเดียวค่ะ นำมามาร์คหน้าทิ้งไว้ประมาณ 5 -10 นาที แล้วล้างออก ในโยเกิร์ตมีกรดแลคติกและโปรไบโอติก ซึ่งช่วยในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกินสิวได้ การมาร์คหน้าด้วยโยเกิร์ตทำเพียงแค่สัปดาห์ละครั้งก็ช่วยให้รูขุมขนเล็กลงแล้วค่ะ

• ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า

ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว เช่นคนที่มีสภาพผิวมัน ควรเลือกโฟมล้างหน้าที่ควบคุมความมัน หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นสครับขัดผิวหน้า ควรสครับเพียงสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้วในการขจัดเซลล์ผิวไม่ให้อุดตันรูขุมขน การเลือกใช้เครื่องสำอางก็เช่นกัน ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและควรทดสอบการแพ้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียม สารกันบูด รวมถึงผลิตภัณฑ์ประเภทออยล์เบส (Oil Based) เพราะสามารถเข้าไปอุดตันรูขุมขนได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุของรูขุมขนกว้างและการเกิดสิว

นอกจากการดูแลผิวพรรณจากภายนอกแล้ว การมีผิวสุขภาพดียังต้องมาจากภายในด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำตามความเหมาะสมกับร่างกาย พักผ่อนให้เพียง และการออกกำลังกาย เมื่อภายในร่างกายสุขภาพดีก็ย่อมส่งผลถึงภายนอกด้วยค่ะ

ที่มา : Bookup.asia

เทคนิคการสลายไขมันด้วยน้ำ และคืนความอ่อนเยาว์ด้วยไขมันตัวเอง

รูปร่างดีได้สัดส่วนเป็นที่ปราถนาของใครหลายๆ คน หากพูดถึงไขมันส่วนเกินอาจเป็นปัญหาหนักใจสำหรับสาวๆ

วันนี้เรามีนวัตกรรมที่ช่วยให้รูปร่างของคุณดูกระชับพร้อมคืนความอ่อนเยาว์ และเติมเต็มเพิ่มความอวบอิ่มในจุดที่คุณต้องการอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยไขมันของคุณเอง นั้นคือวิธีอะไร และมันดีกว่าการกำจัดไขมันด้วยวิธีอื่นอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

อาการปวดหน้า เพราะสาเหตุมาจากฟันจริงหรือ?

คุณเคยไหมปวดบริเวณใบหน้าทั้งๆที่ก็ไม่ได้ไปโดนอะไรมา สำหรับหลายๆคนที่รู้สึกปวดหรือเจ็บที่ใบหน้า ก็คงต้องคิดทึกทักกันไปเองว่า สาเหตุคงต้องมาจากฟันแน่ๆ แต่จะใช่จริงๆหรือป่าวนั้นเราคงต้องให้แพทย์ตรวจเช็คกันอีกที

วันนี้ทาง bookup.asia ได้นำ การวินิจฉัยของคณะทันตแพทย์ มาให้คุณได้ทราบกันว่าถ้า การปวดบริเวณหน้านั้นสาเหตุไม่ได้มาจากฟันแล้วมันเกิดขึ้นจากอะไร ?

ความเจ็บปวดบริเวณใบหน้าและช่องปาก เป็นอาการหลักที่ผู้ป่วยมาพบทันตแพทย์ ซึ่งเมื่อพิจารณาจะพบว่าความเจ็บปวดเป็นประสบการณ์ทางความรู้สึกของแต่ละบุคคล ดังนั้นผู้ป่วยแต่ละคนจะมีการตอบสนองต่อความเจ็บปวดที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ความเจ็บปวดที่เคยได้รับในอดีต ทั้งสภาพร่างกาย และสถาพจิตใจในขณะนั้น

สาเหตุและลักษณะอาการของความเจ็บปวดที่ไม่มีสาเหตุมาจากฟัน

• Myofascial toothache

กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าและลำคอ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการบดเคี้ยวสามารถมี referred pain มายังฟันได้ ลักษณะทางคลินิกจะพบ อาการปวดคงที่ โดยปวดแบบตื้อๆ ไม่มีลักษณะเต้นตุบๆ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดฟันโดยไม่สามารถระบุฟันที่แน่นอนได้ อาการปวดไม่สัมพันธ์กับการกระตุ้นที่ซี่ฟัน แต่จะปวดเพิ่มมากขึ้นเมื่อกด กระตุ้นหรือมีการใช้งานของกล้ามเนื้อส่วนนั้น การใช้ยาชาเฉพาะที่ ที่ซี่ฟันไม่สามารถลดความเจ็บปวดได้ ในขณะที่การใช้ยาชากับกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องจะช่วยลดอาการปวดฟันลงได้

• Sinus and / or nasal mucosal toothache

อาการปวดฟันที่เกิดจากโพรงอากาศมักเกิดขึ้นบริเวณฟันกรามบนโดยผู้ป่วยจะรู้สึกว่ามีแรงดันบริเวณใต้กระบอกตาร่วมด้วย ซึ่งจะมีอาการปวดฟันจะพบลักษณะ ผู้ป่วยมีอาการปวดต่อเนื่องแบบตื้อบริเวณฟันบนหลายซี่ โดยเฉพาะกับฟันกรามบนที่รากฟันมีความสัมพันธ์กับโพรงอากาศ อาการปวดเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเพิ่มแรงดันในโพรงอากาศที่เกี่ยวข้องเช่น การลดศีรษะต่ำลง การเดินกระแทกส้นเท้า การเดินลงบันได เป็นต้น เมื่อเคาะบริเวณฟันหรือโพรงอากาศจะมีอาการปวดตื้อขึ้นมาได้

• Neurivascular toothache

อาการปวดศีรษะอาจจะก่อให้เกิดอาการปวดในลักษณะคล้ายการปวดฟันได้ ซึ่งการวินิจฉัยที่ผิดพลาดจะนำไปสู่วิธีการรักษาที่ผิด และไม่สามารถแก้ไข้อาการปวดได้ ลักษณะสำคัญของอาการปวดฟันที่เนื่องมาจากระบบประสาทและหลอดเลือด ได้แก่ จะมีอาการปวดฟันขึ้นมาเอง โดยมีลักษณะเต้นตุบๆ และมักมีอาการรุนแรง การปวดฟันจะปวดเป็นช่วงๆ โดยมีระยะหายปวดระหว่างช่วงดังกล่าว ช่วงเวลาที่ปวดมักจะมีความจำเพาะ เช่น ปวดขึ้นฝนช่วงเวลาเดิมของวันหรือของเดือน มักพบที่บริเวณฟันเขี้ยวบน หรือฟันกรามน้อยบน โดยผู้ป่วยจะระบุตำแหน่งของซี่ฟันที่ปวดได้อย่างชัดเจน ผู้ป่วยให้ประวัติของโรคทางระบบประสาทและหลอดเลือด และรับประทานยารักษาโรคดังกล่าว เช่น กินยารักษาไมเกรน สามารถบรรเทาอาการปวดฟันลงได้

• Neuropathic toothache

อาการปวดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากระบบประสาทอาจยากต่อการวินิจฉัยเนื่องจากไม่พบความผิดปกติใดๆ ในทางคลินิก อาการปวดจากเส้นประสาทนี้สามารถจำแนกตามระยะเวลาในการเกิดได้เป็นแบบช่วงๆ และแบบต่อเนื่อง

แม้ว่าอาการเจ็บปวดภายในช่องปากส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากฟัน แต่ก็มีสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดอาการปวดฟันได้เช่นกัน ดังนั้นทันตแพทย์ควรในเรื่องนี้เพื่อที่จะสามารถวิเคราะห์สาเหตุของอาการเจ็บปวดและให้การวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่การให้การรักษาที่เหมาะสม

ทำไมต้องรักษาปัญหาผิวด้วย IPL โดย คุณหมอ ยิ้ม

• คุณหมอยิ้มช่วยแนะนำตัวหน่อยได้ไหมคะ?

ผม หมออภิสิทธิ์ ศิริชัย จบแพทย์ศาสตร์บันฑิต ตั้งแต่ปี 2542 เป็นแพทย์ตั้งแต่จบการศึกษา เข้าศึกษาต่อเชี่ยวชาญเฉพาะทาง พ.ศ. 2542-2545 เรียนต่อเชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมกับทำงาน จบมาทำที่นิติพลคลีนิก 7 ปี เปิดคลีนิคเป็นของตนเองอีก 5 ปี รวมอายุงาน 15 ปี (15 ปี รวม 3 ปีเรียนเชี่ยวชาญพร้อมทำงาน) 12 ปีนี้ทำงานเกี่ยวกับความสวยความงามตลอดมา

• อยากจะให้คุณหมออธิบายเกี่ยวกับ IPL หน่อยได้ไหมคะ?

IPL ย่อมาจาก Intense Pulse Light หมายถึงมันตัวแสงที่มีความยาวหลายค่าคลื่นแสงนะครับ เป็นแสงที่มีความเข้มข้นข้นสูงกว่าแสงปกติทั่วไป แล้วออกมาเป็น Pulse หมายถึง แสงที่ออกเป็นจังหวะๆ IPL สามารถใช้ได้หลายอย่าง แต่โดยทั่วไปเราใช้ IPL กับผิวหนัง ทำให้เกิดการกำจัดรอยดำต่างๆบนผิวหนัง กำจัดกระ ฝ้า ลดผิวดำ ด่าง ปาน หรือจะนำไปกำจัดขนก็ได้ หลักการก็คือแสงพวกนี้จะทำให้เม็ดสีในผิวหนังมีการดูดซับแสง แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน โดยที่ว่า แสงทั้งหมดมีหลายค่าเราจะกรองค่าที่เราต้องการนำมาใช้โดยผ่านฟิลเตอร์ต่างๆ เมื่อแสงยิงผ่านไปที่ผิวหนังทำให้เกิดความร้อน ดังนั้น IPL เราจะใช้ความเย็นเข้าช่วยลดความร้อนในชั้นผิวที่ตื้นๆ โดยที่ทำให้ผิวชั้นลึกได้รับปริมาณความร้อนสูงกว่าผิวชั้นตื้น ผลที่ได้ก็คือ ทำให้เกิดความปลอดภัยบริเวณผิวชั้นตื้นไม่เกิดแผลเป็นหรือรอยไหม้ ในขณะที่ผิวชั้นลึกจะได้รับความร้อนในปริมาณสูง หลังจากนั้น เราจะเลือกว่าให้เซลล์ชนิดไหนได้รับพลังงานสูงกว่าเซลล์ชนิดไหนโดยการคัดกรองค่าแสงจากแสงที่ออกมานั่นเอง

IPL เป็นแสงชนิดหลายสเปกตรัม มีค่าแสงหลายช่วง แสงชนิดนี้มีความเข้มข้นมากกว่าแสงปกติทั่วๆไป Pulse หมายถึง แสงที่ออกเป็นจังหวะเดียว IPL สามารถใช้รักษาความผิดปกติหรือปัญหาผิวหนังได้ IPL เน้นใช้การรักษาสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวคล้ำ ปาน ริ้วรอย ฝ้าและยังสามารถขจัดขนบนใบหน้าได้อีกด้วย นอกจากนี้ IPL เป็นที่นิยมใช้ในการรักษาสิวหรือป้องกันการเกิดริ้วรอยอีกด้วย ค่าแสงหลายช่วงจะซึมผ่านเข้าผิวหนังทำให้ผิวหนังสร้างคอลาเจนขึ้นมาใหม่ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหรืออาการที่เข้ารับการรักษา การรักษาด้วย IPL สามารถรักษาได้ตั้งแต่ 3 ถึง 10 ครั้ง คนไข้สามารถเห็นผลได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับการรักษา หากคนไข้พอใจผลของการรักษาสามารถรักษาต่อหรือหากไม่พอใจผลของการรักษา ก็สามารถหยุดการรักษาได้ทันที

• การรักษาด้วย IPL กับ เลเซอร์ ต่างกันอย่างไร?

การรักษาแบบ IPL และ เลเซอร์ ใช้แตกต่างกันค่อนข้างมากและให้ผลการรักษาที่ไม่เหมือนกัน การรักษาแบบเลเซอร์นั้นมีความเข้นข้นและข้อห้ามต่างๆมากกว่า ตัวอย่างเช่น หากคนไข้เข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์จำเป็นที่จะต้องปกป้องผิวไม่ให้โดนแสงแดดเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แต่การรักษาด้วยเลเซอร์มีประสิทธิภาพในการรักษาดีกว่า IPL นอกจากนี้ การรักษาด้วยเลเซอร์ยังมีคุณสมบัติรักษาผิวหนังซึ่ง IPL ไม่สามารถทำได้

เอสอาร์ซีคลินิก SRC Clinic Blossom

• การรักษาแบบ IPL มีผลข้างเคียงหรือไม่ หลังจากเข้ารับการรักษาควรจะต้องดูแลอย่างไรบ้าง?

จริงๆก็ไม่มีผลข้างอะไร แต่หมอจำเป็นต้องลอง IPL จุดเล็กๆบนผิวหนังเสียก่อน ถ้าไม่มีอาการระคายเคืองหรือแพ้หมอจึงจะทำการรักษาบนใบหน้า อย่างไรก็ดี การรักษาแบบ IPL นั้นก่อให้เกิดความร้อนบนผิวหนัง เราจึงจำเป็นจะต้องใช้ครีมพิเศษที่มีความเย็นทาบริเวณที่รักษา ความเย็นจะช่วยปกป้องผิวจากความร้อนไม่ให้เกิดรอยไหม้หรือแผลเป็น นอกจากนี้ยังสามารถเลือกบริเวณผิวที่โดนความร้อนโดยผ่านกระบวนการกรองแสง

• สามารถรวมการรักษา IPL เข้ากับการรักษาแบบอื่นๆได้หรือไม่?

หมอสามารถรวมการรักษาแบบ IPL เข้ากับการรักษาแบบอื่นๆได้เช่น เมโซเทอราปี การรักษาแบบเลเซอร์ การลอกผิวหนัง เป็นต้น ตัวอย่างการทดลองโดยการใช้ IPL ฉีดลงบนใบหน้าเพื่อรักษาสิวเพียง 45 นาที สามารถลดอาการอักเสบของสิวอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากนั้น ยังสามาถลดการเกิดสิวและรอยแผลเป็นได้อีกด้วย

ทุเรียนเทศ ช่วยยับยั้งมะเร็งจริงหรือ

กระทรวงสาธารณสุข เผยผลการศึกษาวิจัยด้านพิษวิทยาสมุนไพร ใบทุเรียนเทศ ที่ได้จากจากใบสด สารสกัดด้วยน้ำของใบสดและสารสกัดด้วยน้ำของใบแห้ง นำมาทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยง พบว่า สารสกัดด้วยน้ำของใบแห้งแสดงฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับได้และไม่มีพิษต่อเซลล์ตับปกติ เตรียมต่อยอดศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในด้านต่างๆ หากจะนำมาพัฒนาเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

 

การใช้ใบทุเรียนเทศ ในการรักษาโรคมะเร็งอย่างแพร่หลายเมื่อไม่นานมานี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สถาบันวิจัยสมุนไพร ได้ให้ความสำคัญในการศึกษาเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในเบื้องต้นและได้ศึกษาวิจัยด้านพิษวิทยาสมุนไพร ใบทุเรียนเทศ มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว จากการศึกษาความเป็นพิษเบื้องต้นของ ใบทุเรียนเทศ ในหลอดทดลอง โดยเตรียมในรูปของน้ำคั้นจากใบสด สารสกัดด้วยน้ำของใบสดและสารสกัดด้วยน้ำของใบแห้ง แล้วนำมาทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยง ผลการทดสอบพบว่า สารสกัดด้วยน้ำของใบแห้งแสดงฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับได้และไม่มีพิษต่อเซลล์ตับปกติ ในขณะที่สารสกัดด้วยน้ำของ ใบทุเรียนเทศ สดไม่แสดงฤทธิ์ยับยั้งเซลล์ตับเพาะเลี้ยง HepG2 ส่วนน้ำคั้น ใบทุเรียนเทศ สดถึงแม้ว่าแสดงการออกฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับได้ดีกว่าสารสกัดด้วยน้ำของใบแห้ง แต่ก็มีความเป็นพิษสูงต่อเซลล์ปกติเช่นกัน การทดลองนี้ช่วยบ่งชี้ว่า สารสกัดด้วยน้ำของใบแห้งมีศักยภาพในการยับยั้งเซลล์มะเร็งตับและไม่แสดงพิษต่อเซลล์ปกติ ซึ่งอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการใช้รักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่ายาที่ใช้ในการรักษามะเร็งในปัจจุบันนั้น มีผลข้างเคียงในการใช้ โดยเฉพาะการทำลายเซลล์ปกติร่วมด้วย

ข้อมูลส่วนที่ได้ศึกษาแล้วนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการนำสมุนไพร ใบทุเรียนเทศ มาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง หากนำสารสกัดใบแห้งมาพัฒนาเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ จำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในด้านต่างๆ ได้แก่ ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ และต่อเซลล์อวัยวะอื่นๆ เช่นเซลล์ไต ปอด ลำไส้ หัวใจ และประสาท เป็นต้น การพิสูจน์ฤทธิ์ต้านมะเร็งและความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง การแยกสารสำคัญใน ใบทุเรียนเทศ การศึกษาสารที่อาจก่อให้เกิดพิษเนื่องจากมีบางรายงานของการศึกษากล่าวถึงความเป็นพิษของทุเรียนเทศต่อไตและสมองของสัตว์ทดลอง รวมถึงการเกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างยาแผนปัจจุบัน กับสารสกัดใบทุเรียนเทศ ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะได้พิจารณาวางแผนดำเนินการศึกษาวิจัยตามความเหมาะสมต่อไป